ส่งผลไม้ทางไหนดี ส่งไว ราคาโดนใจ ไม่เน่าเสีย

ส่งผลไม้ทางไหนดี
Categories:

หากคุณกำลังมองหาช่องทางส่งผลไม้ ไม่ว่าจะภายในจังหวัดหรือข้ามจังหวัด ไม่ว่าจะเพื่อจัดจำหน่ายหรือส่งไปให้คนในครอบครัวหรือญาติพี่น้อง แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกส่งผลไม้ทางไหนดีจึงจะตอบโจทย์ทั้งด้านราคา การขนส่ง และคุณภาพ เรามีแนวทางมาให้แล้วพร้อมวิธีแพ็คผลไม้ยังไงให้สดใหม่ก่อนใช้บริการขนส่ง

ส่งผลไม้ทางไหนดีจึงจะได้ขนส่งคุณภาพ

หากไม่รู้ว่าควรเลือกส่งผลไม้ทางไหนดีคำตอบง่ายมากการขนส่งทางบกยังไงละ แต่หากไม่รู้จะเลือกยังไงเรามีองค์ประกอบที่คุณสามารถนำไปใช้ตรวจสอบบริษัทขนส่งว่ามีหรือไม่จากนั้นค่อยตัดสินใจใช้บริการได้ ดังนี้

1. มีตู้ควบคุมอุณหภูมิ

การเลือกขนส่งผลไม้หรือผักสดจำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถขนส่งไปยังปลายทางได้อย่างปลอดภัยและไม่เสี่ยงต่อการเน่าเสีย อุณหภูมิที่เหมาะสมเริ่มต้นที่ 0 – 8 องศา

2. สามารถติดตามสถานการณ์ขนส่งได้

ทั้งบน Application และ Website ของบริษัทขนส่งได้ก็เพิ่มความมั่นใจว่าผลไม้จะถึงปลายทางได้ในวันและเวลาที่กำหนด

3. มีการประกันขนส่งและประกันพัสดุ

โดยการทำประกันจะต้องเป็นหน้าที่ของทางบริษัทในการอำนวยความสะดวกให้กับเรา การทำประกันขนส่งมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันความล่าช้าหรือหากมีความล่าช้าเกิดขึ้นทางบริษัทใจยินดีชดเชยค่าเสียหายให้ และเช่นเดียวกันกับประกันพัสดุคือมีขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อพัสดุที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง

4. สามารถเดินทางเข้ามารับสินค้าและส่งสินค้าได้ถึงหน้าบ้าน

มั่นใจว่าเราไม่จำเป็นต้องเดินทางไปส่งของด้วยตนเองและผู้รับไม่ต้องออกมารับสินค้าที่ศูนย์บริการใกล้เคียง

5. มีรูปแบบการขนส่งให้เลือกครอบคลุม

ทั้งส่งแบบธรรมดาถึงภายใน 2 – 4 วันทำการ และส่งด่วนพิเศษ EMS ได้ของภายใน 1 – 2 วัน

6. ค่าส่งต้องไม่แพงเกินไป

แน่นอนว่าแต่ละบริษัทมีการคิดค่าส่งแตกต่างกัน บางบริษัทคิดจากน้ำหนัก บางบริษัทคิดจากปริมาตร หรืออาจคิดจากทั้งสองอย่าง หรืออาจคิดจากปัจจัยอื่น ๆ แต่ไม่ว่าแบบไหนต้องมั่นใจว่าไม่แพงเกินไปเพื่อป้องกันการโดนเอาเปรียบ

เทคนิคการแพ็คผลไม้ให้สดใหม่ตลอดการขนส่ง

การป้องกันไม่ให้ผลไม้เน่าเสียตลอดการเดินทางไม่ได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของทางบริษัทขนส่งผลไม้ทางไหนดีเพียงอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับเราที่เป็นผู้ส่งด้วย แต่จะมีวิธีการยังไงไปดู

  • เลือกขนาดกล่องให้เหมาะกับผลไม้ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และควรมีความหนาอย่างน้อย 5 มิลลิเมตร
  • ใช้ bubble ห่อผลไม้เพื่อป้องกันการช้ำ กรณีเป็นผลไม้ลูกใหญ่ควรห่อแยกทีละผลแต่หากลูกเล็กลงมาหน่อยอาจห่อรวมกันประมาณ 2 – 3 ผลได้
  • ใส่กระดาษห่อผลไม้หรือวัสดุกันกระแทก
  • เจาะรูระบายอากาศบนกล่องที่บรรจุผลไม้ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและป้องกันความชื้นที่อาจมากเกินไปจนกลายเป็นสาเหตุทำให้เน่าเสีย

และสุดท้ายไม่ว่าจะเลือกส่งผลไม้ทางไหนดีสิ่งสำคัญอันดับแรกคือคุณต้องรู้ว่าตนเองมีงบประมาณเท่าไหร่ ต้องการจัดส่งให้ถึงปลายทางได้ภายในระยะเวลาเท่าใด และจัดส่งผลไม้ประเภทไหน เพราะมีส่วนสำคัญในการเลือกบริษัทขน และวิธีการขนส่งทางบกตอบโจทย์ความต้องการนั่นเอง